วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ทรัพยากรป่าไม้



"ป่าไม้" หมายถึง ถิ่นที่อยู่อาศัยร่วมกันของสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์นานาชนิดรวมทังจุลชีพทั้งมวลต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ส่วนใหญ่ประกอบด้วยต้นไม้อันขึ้นอยู่บนพื้นดิน และมีรากยึดเหนี่ยวอยู่ใต้ดิน ป่าไม้เป็นสิ่งที่ปลูกทดแทนขึ้นมาใหม่ได้ และสามารถเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์


ประโยชน์ของป่าไม้

1.มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เช่นที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค อาหาร เครื่องนุ่งห่มเป็นต้น

2.มีประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ เป็นแหล่งประกอบอาชีพ และหารายได้ของมนุษย์

3.มีประโยชน์ในการท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ

4.มีประโยชน์ด้านนิเวศน์วิทยา เช่น ช่วยป้องกันการพังทลายของดินช่วยรักษาต้นน้ำลำธาร ป้องกันน้ำท่วม เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า


ประเภทของป่า

ป่ามีลักษณะแตกต่างกันตามสภาพภูมิประเทศ และภูมิอากาศป่าไม้แบ่งออกได้ 2 ประเภทใหญ่ๆคือ

1.ป่าไม้ไม่ผลัดใบ เป็นป่าที่มีต้นไม้เขียวชอุ่มตลอดปีที่เรียกว่า Evergreen tree ป่าไม้ที่จัดเป็นป่าผลัดใบได้แก่
1.1.ป่าดงดิบ เป็นป่าทึบในเขตร้อนมีพันธุ์ไม้มากมายหนาแน่น ทำให้แดดส่องถึงพื้นน้อยมาก ต้นไม่ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ใหญ่ใบกว้าง ไม้ที่สำคัญได้แก่ ไม้ยาง ตะเคียน ตะบาก เป็นต้น และมีไม้เล็ก เช่น ไผ่ ระกำ หวาย เป็นต้น
1.2.ป่าดิบเขา เป็นป่าที่มีสภาพคล้ายป่าดงดิบ แต่มีความรกน้อยกว่า ซึ่งพบตามบริเวณภูเขามีระดับสูง 1000 เมตร ไม้ที่สำคัญได้แก่ ต้นก่อ มะขามป้อม ดงหว้า จำปีป่า เป็นต้น
1.3.ป่าสนเขา จัดเป็นป่าผลัดใบ มีต้นไม้ขนาดใหญ่ แต่มีใบเล็กเรียว พันธุ์ไม้สนพื้นเมืองของไทย ได้แก่สนสองใบและสนสามใบ เป็นป่าอยู่บนภูเขาสูงตั้งแต่ 700 เมตรขึ้นไป
1.4.ป่าชายเลน เป็นป่าตามชายฝั่งทะเลที่เป็นหาดเลน ต้นไม้ที่ขึ้นบริเวณนี้มักมีลักษณะพิเศษ เช่นมีรากอากาศโผล่พ้นขึ้นมาบนดินเลน หรือมีรากงอกจากส่วนของลำต้นมาช่วยพยุงลำต้น ต้นไม้เขตนี้ชอบน้ำเค็ม เช่น โกงกาง แสมทะเล ปาง ตะบูน ลำพู เป็นต้น

2.ป่าไม้ผลัดใบ ต้นไม้ในป่าชนิดนี้จะสลัดใบในฤดูแล้ง ป่าไม้ที่จัดอยู่ในกลุ่มพวกนี้ได้แก่
2.1.ป่าเบญจพรรณ เป็นป่าโปร่ง มีต้นไม้หลายขนาดรวมกันขึ้นอยู่ห่างๆไม่รกทึบ บางแห่งมีทุ่งหญ้าและไม้ไผ่ขึ้นอยู่ด้วย ต้นไม้สำคัญได้แก่ สัก ประดู่ แดง ตะแบก เสลา มะค่าโมง เป็นป่าที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสูงมาก
2.2.ป่าแดง ( ป่าโคก ป่าแพะ ป่าเต็งรัง ) เป็นป่าโปร่งต้นไม้ไม่หนาแน่น มีทุ่งหญ้าสลับ ป่าชนิดนี้ไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้มีขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะเป็นป่าในเขตอากาศแห้งแล้ง พันธุ์ไม้ที่สำคัญ คือ เต็ง รัง เทียง พลวง พะยอม มะค่า ฯลฯ

3.ป่าชนิดอื่นๆ เป็นป่าที่มีความสำคัญน้อย เช่น
3.1.ป่าพรุ เป็นปาที่พบตามบริเวณพื้นที่ลุ่มที่มีน้ำขัง ป่าพรุน้ำจืดอยู่ตามขอบแอ่งหนองบึง และที่ราบชายฝั่งทะเลจะพบป่าพรุน้ำกร่อย ป่าพรุน้ำจืดมีต้นสนุ่น จิก หวายน้ำ อ้อ และแขม ส่วนป่าพรุน้ำกร่อยมีไม้สำคัญได้แก่ เสม็ด และกก
3.2.ป่าชายหาด คือ ป่าตามบริเวณหาดชายทะเลที่น้ำท่วมไม่ถึง ไม้ที่สำคัญได้แก่ สนทะเล หูกวาง โพทะเล กระทิง ตีนเป็ดทะเล เป็นต้น
ปัญหาที่เกี่ยวกับป่าไม้
ป่าไม้ที่ถูกทำลายจำนวนมากโดยวิธีต่างๆ เช่น การตัดไม้จำนวนมาก การเผาป่า ฯลฯ เพื่อนำไม้มาใช้ในอุตสาหกรรม เพื่อพื้นที่ทำการเกษตร เป็นต้น


ประโยชน์ของทรัพยากรป่าไม้

ป่าไม้มีประโยชน์มากมายต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ได้แก่. ประโยชน์ทางตรง (Direct Benefits) ได้แก่ ปัจจัย 4 ประการ

1. จากการนำไม้มาสร้างอาคารบ้านเรือนและผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ กระดาษ ไม้ขีดไฟ ฟืน เป็นต้น
2. ใช้เป็นอาหารจากส่วนต่าง ๆ ของพืชและผล
3. ใช้เส้นใย ที่ได้จากเปลือกไม้และเถาวัลย์มาถักทอ เป็นเครื่องนุ่งห่ม เชือกและอื่น ๆ
4. ใช้ทำยารักษาโรคต่าง ๆ

ประโยชน์ทางอ้อม

1. ป่าไม้เป็นเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำลำธารเพราะต้นไม้จำนวนมากในป่าจะทำให้น้ำฝนที่ตกลงมาค่อย ๆ ซึมซับลงในดิน กลายเป็นน้ำใต้ดินซึ่งจะไหลซึมมาหล่อเลี้ยงให้แม่น้ำ ลำธารมีน้ำไหลอยู่ตลอดปี
2. ป่าไม้ทำให้เกิดความชุ่มชื้นและควบคุมสภาวะอากาศ ไอน้ำซึ่งเกิดจากการหายใจของพืช ซึ่งเกิดขึ้นอยู่มากมายในป่าทำให้อากาศเหนือป่ามีความชื้นสูงเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลงไอน้ำเหล่านั้นก็จะกลั่นตัวกลายเป็นเมฆแล้วกลายเป็นฝนตกลงมา ทำให้บริเวณที่มีพื้นป่าไม้มีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ ฝนตกต้องตามฤดูกาลและไม่เกิดความแห้งแล้ง
3. ป่าไม้เป็นแหล่งพักผ่อนและศึกษาความรู้ บริเวณป่าไม้จะมีภูมิประเทศที่สวยงามจากธรรมชาติรวมทั้งสัตว์ป่าจึงเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจได้ดี นอกจากนั้นป่าไม้ยังเป็นที่รวมของพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์จำนวนมาก จึงเป็นแหล่งให้มนุษย์ได้ศึกษาหาความรู้
4. ป่าไม้ช่วยบรรเทาความรุนแรงของลมพายุและป้องกันอุทกภัย โดยช่วยลดความเร็วของลมพายุที่พัดผ่านได้ตั้งแต่ ๑๑-๔๔ % ตามลักษณะของป่าไม้แต่ละชนิด จึงช่วยให้บ้านเมืองรอดพ้นจากวาตภัยได้ซึ่งเป็นการป้องกันและควบคุมน้ำตามแม่น้ำไม่ให้สูงขึ้นมารวดเร็วล้นฝั่งกลายเป็นอุทกภัย
5. ป่าไม้ช่วยป้องกันการกัดเซาะและพัดพาหน้าดิน จากน้ำฝนและลมพายุโดยลดแรงปะทะลงการหลุดเลือนของดิ

การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้

1.ออกกฏหมายคุ้มครองป่าไม้
2.ควบคุมดูแลการตัดไม้ เพื่อป้องกันการสูญเสียป่า
3.การปลูกป่าเพื่อทดแทนป่าไม้ธรรมชาติ
4.ป้องกันไฟไหม้ป่า และแมลงทำลายต้นไม้
5.ใช้ไม้อย่างประหยัด และทำวัสดุอื่นมาใช้ทดแทนไม้

ไม่มีความคิดเห็น: